Thai Society for Affective Disorders; TSAD TSAD

กรมสุขภาพจิตแนะผู้ปกครอง 3 ข้อ ป้องกันลูกเป็น ‘โรคติดเกม’

รายละเอียด

กรมสุขภาพจิตแนะผู้ปกครอง 3 ข้อ ป้องกันลูกเป็น ‘โรคติดเกม’

วันที่ 30 ต.ค. 2562

ประเด็นน่าสนใจ

  • ในโลกออนไลน์มีการแชร์คลิปเด็กชายคนหนึ่งติดเกม คลั่งจนคิดจะทำร้ายผู้ปกครอง
  • ด้านอธิบดีกรมสุขภาพจิต แนะผู้ปกครอง 3 วิธี ช่วยป้องกันลูกไม่ให้เป็น ‘โรคติดเกม’
  • ชี้ปัญหาเด็กติดเกมไม่ใช่เป็นแค่ตัวเด็ก แต่เป็นปัญหาทั้งครอบครัวต้องร่วมจัดการ

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ในปี ค.ศ.2018 องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศ “โรคติดเกม” (Gaming Disorder) เป็นหนึ่งในโรคทางจิตเวช มีผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพ ครอบครัว การศึกษา การงานอาชีพ และสังคม ซึ่งโรคติดเกม คือ โรคที่เกิดจากพฤติกรรมเสพติด ในทางสมองมีลักษณะคล้ายกับติดสารเสพติด เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาสมอง พัฒนาการ และพฤติกรรมของเด็ก ส่วนใหญ่จะติดจากการเล่นเกมผ่านอินเทอร์เน็ต โดยมีอาการสำคัญ ดังนี้

 
  1. ใช้เวลาเล่นนานเกินไป
  2. ขาดการควบคุมตนเองในการใช้ชีวิตปกติ เช่น การกิน การนอน
  3. เสียหน้าที่ การเรียน และการงาน

อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า ดังนั้น ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กติดเกม สามารถป้องกันได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น ซึ่งง่ายกว่าการแก้ไขภายหลัง

โดยพ่อแม่ผู้ปกครองควรทำข้อตกลง 3 ประการก่อนให้ลูกเริ่มเล่นเกม ดังนี้

  1. เวลา ควรแบ่งเวลาให้ลูกเล่นเกมอย่างเหมาะสม กำหนดระยะเวลาในการเล่นเกมวันละ 1- 2 ชั่วโมงต่อวัน และไม่ควรให้เล่นเกมในเวลาเรียน หรือเล่นในช่วงเวลากลางคืน
  2. เนื้อหา ในส่วนของเนื้อหาต้องไม่มีความรุนแรง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เด็กไปเสพข้อมูลความรุนแรงเพิ่มเติมจากทางอินเทอร์เน็ต
  3. พฤติกรรม การเล่นเกมต้องไม่นำไปสู่พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อาทิ ไม่ยอมไปเรียน โดดเรียน ไม่กินข้าวตามเวลา ไม่ยอมนอน มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงทางกายและวาจา เป็นต้น

ทั้งนี้ เรื่องติดเกมไม่ใช่เป็นปัญหาของแค่ตัวเด็ก แต่เป็นปัญหาของทั้งครอบครัวที่ต้องร่วมกันจัดการ หากไม่สามารถจัดการได้ ให้ปรึกษาจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นในสังกัดกรมสุขภาพจิต หรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าว

ที่มา : กรมสุขภาพจิต